ต้นเฟื่องฟ้า
ชื่ออสามัญ: Paper Flower
ชื่อวิทยาศาสตร์: Bougainvillea glabra Choisy
วงศ์: NYTAGINACEAE
ชื่อท้องถิ่นอื่น: ดอกต่างใบ (กรุงเทพฯ), ดอกกระดาษ ดอกโคม
(ภาคเหนือ), ตรุษจีน
(ภาคกลาง), เย่จื่อฮวา
จื่อซานฮวา (จีนกลาง)
ถิ่นกำเนิด: ประเทศบราซิล
เวลาออกดอก: ตลอดปี
ถิ่นอาศัย: พืชบก
การเป็นมงคล: คนไทยโบราณเชื่อว่า
บ้านใดปลูกต้นเฟื่องฟ้าไว้ประจำบ้าน สามารถสร้างคุณค่าของชีวิตให้สูงขึ้น
เพราะเฟื่องฟ้าเป้นพรรณไม้ที่ได้รับสมญาว่าเป็นราชินีแห่งไม้ประดับเนื่องจากสามารถนำเฟื่องฟ้าไปใช้ประโยชน์ในด้านสุนทรียภาพเพื่อประดับสวนอาคาร
บ้านเรือนและสถานที่สำคัญต่างๆนอกจากนี้คนไทยโบราณยังมีความเชื่ออีกว่าเฟื่องฟ้าเป็นไม้มงคลทำสำคัญของเทศกาลตรุษจีน
เพราะต้นเฟื่องฟ้าสามารถออกดอกสะพรั่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนจึงทำให้บางคนเรียกต้นเฟื่องว่าว่าต้นตรุษจีนดังนั้นบางคนเชื่อว่า
เมื่อช่วงดอกเฟื่องฟ้าบานแสดงถึง ความเบิกบาน สว่างไสว ความรุ่งเรือง
ที่ก้าวไกลแห่งชีวิต
ลักษณะทั่วไป
เฟื่องฟ้าเป็นพันธ์ไม้ยืนต้นขนาดกลางประภทเถาเลื้อย
ลำต้นมีความยาวประมาณ 1-10 เมตร
มีลำเถาแข็งแรงเลื้อยไปได้ไกลผิวลำต้นสีเทาหรือสีน้ำตาล ลำต้นมีหนามยาวประมาณ 0.51เซนติเมตร
ติดอยู่เป็นระยะๆ ลักษณะของทรงพุ่มสามารถตัดแต่ง และบังคับการเจริญเติบโตได้
เป็นใบเลี้ยงเดี่ยวแตกตามเถาลักษณะรูปไข่ปลายใบแหลมโคนใบมน ขอบใบเรียบ
พื้นใบเรียวสีเขียวขนาดใบกวว้าง 2-4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อตามส่วนยอด
มีกลีบดอกหรือใบประดับ 3 กลีบ
ส่วนดอกจะมีดอกเล็กสีขาว
ประโยชน์
เฟื่องฟ้าสามารถปลูกเป็นไม้ประดับในสวนสาธารณะ
สวนข้างทางเดิน เป็นรั้วเป็นซุ้มนั่งเล่น เป็นไม้กระถาง ฯลฯ
เฟื่องฟ้าสามารถตัดแต่งหรือดัดให้เป็นรูปร่างต่างๆได้ง่าย
รวมทั้งมีความแข็งแรงทนทานจึงได้รับความนิยมนำไปปลูกเป็นไม้แคระ ( บอนไซ )
ทั้งในญี่ปุ่นและไต้หวัน
ลักษณะของต้นเฟื่องฟ้า
เป็นไม้ยืนต้นประเภทพุ่มกึ่งเลื้อยอายุยืนหลายสิบปี
ขนาดตั้งแต่พุ่มเล็กถึงพุ่มใหญ่ มีหนามขึ้นตามลำต้นอยู่เหนือใบ
ใบเป็นใบเดี่ยวแตกออกสลับกับกิ่งหรือเยื้องกัน มีขนขึ้นปกคลุมเล็กน้อย
มีสีเขียวหรือใบด่าง รูปร่างรีแหลมยาว 3-6 ซม. กว้าง 2.5 ซม. ใบประดับลักษณะคล้ายรูปหัวใจหรือรูปไข่มี 3-5 ใบ มีหลายสี เช่น
ม่วง แดง ชมพู ส้ม ฟ้า เหลืองและอื่นๆ ผู้พบเห็นทั่วไปมักเข้าใจว่าใบประดับคือดอก
ดอกมีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและไม่สมบูรณ์เพศ ออกเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง
แต่ละช่อมี 3 ดอก เป็นหลอดยาว 1-2 ซม.
ติดอยู่ที่เส้นกลางใบของใบประดับ ส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าดอกคือเกสรดอก
ดอกเป็นชนิดไม่มีกลีบดอก มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้ 5-10 อัน
การปลูกเลี้ยงในประเทศไทยมักจะเกิดการกลายพันธุ์ โดยเนื้อเยื่อบริเวณตามีการเปลี่ยนแปลงในระดับเซลทำให้ส่วนต่างๆ
เปลี่ยนไป เช่น สีของใบประดับเปลี่ยนไป กลายพันธุ์เป็นใบประดับซ้อน
กลายพันธุ์เป็นใบด่าง กลายพันธุ์เป็นดอกกระจุก
ลำต้น เฟื่องฟ้าเป็นไม้ประเภทรอเลื้อยมีหนามสำหรับการเกาะเกี่ยว และป้องกันอันตรายให้แก่ ทรงพุ่ม ลำต้นกลม เปลือกบาง เนื้อไม้แข็งและเหนียว ลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงเองได้
ใบ เป็นลักษณะของใบเดี่ยว มีทั้งลักษณะเป็นรูปไข่ และกลมรี ยาวรี แผ่นใบกว้างประมาณ 2-3 ซม. ยาว 3-6 ซม. มีทั้งสีเขียวเข้มจนกระทั่งเขียวอ่อนและใบด่าง นอกจากนี้ยังมีใบประดับ มีสีสันต่าง ๆ มากมายซึ่งคนทั่วไปมักจะเข้าใจว่าคือดอกของเฟื่องฟ้าจะรวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3 ใบ
ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง กลีบประดับมีทั้งแบบชั้นเดียวและซ้อน รูปไข่ มี 3 กลีบขึ้นไปซ่อนกันเป็นรูปถ้วย ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-3 เซนติเมตร
สรรพคุณทางยา
- ดอก : มีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจและระบบขับถ่าย (บางข้อมูลระบุว่าดอกเฟื่องฟ้ามีสรรพคุณช่วยบำรุงโลหิต และใช้แทนเครื่องหอมได้ด้วย)
- ดอกเฟื่องฟ้า (สายพันธุ์ Bougainvillea glabra Choisy.) มีรสขมฝาด เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อตับ ใช้เป็นยาแก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี รักษาสตรีที่ประจำเดือนไม่มา หรือมุตกิดตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ดอกที่เป็นยาแห้ง ครั้งละ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือจะใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยาตามที่ต้องการ
- ราก : เฟื่องฟ้าดอกขาว (Bougainvillea spectabilis Willd.) ในประเทศจีนจะไม่นิยมนำมาใช้ทำยา แต่ในประเทศไทยจะมีการนำรากมาใช้เป็นยาแก้พิษต่าง ๆ
พันธ์เฟื่องฟ้าในประเทศไทย
ในวงการค้าขายเฟื่องฟ้าในปัจจุบันนี้มีการสั่งพันธุ์จากต่างประเทศเข้ามาใจประเทศไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ก็ยังได้เฟื่องฟ้าพันธุ์ใหม่ ๆ ที่เกิดจากการผสมพันธุ์และกลายพันธุ์จากเฟื่องฟ้าที่มีอยู่ในเมืองไทย แต่ในบางครั้งก็มีการตั้งชื่อซ้ำซ้อนสับสนกันบ้าง เพราะไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนหรือจดทะเบียนเป็นชื่อพันธุ์ไม่ให้ตั้งซ้ำซ้อนกัน นับว่าเป็นจุดบกพร่องที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างไร ชื่อพันธุ์ที่ตั้งขึ้นมาจึงเป็นชื่อเพื่อการค้าและธุรกิจเสียมากกว่าที่จะให้เป็นชื่อที่มีระบบ และหลักเกณฑ์ในการตั้งชื่อ
วิดีโอ
แหล่งอ้างอิง
https://www.thaikasetsaert.com
https://frynn.com
https://th.wikipedia.org
https://www.youtube.com
ลำต้น เฟื่องฟ้าเป็นไม้ประเภทรอเลื้อยมีหนามสำหรับการเกาะเกี่ยว และป้องกันอันตรายให้แก่ ทรงพุ่ม ลำต้นกลม เปลือกบาง เนื้อไม้แข็งและเหนียว ลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงเองได้
ใบ เป็นลักษณะของใบเดี่ยว มีทั้งลักษณะเป็นรูปไข่ และกลมรี ยาวรี แผ่นใบกว้างประมาณ 2-3 ซม. ยาว 3-6 ซม. มีทั้งสีเขียวเข้มจนกระทั่งเขียวอ่อนและใบด่าง นอกจากนี้ยังมีใบประดับ มีสีสันต่าง ๆ มากมายซึ่งคนทั่วไปมักจะเข้าใจว่าคือดอกของเฟื่องฟ้าจะรวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3 ใบ
ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง กลีบประดับมีทั้งแบบชั้นเดียวและซ้อน รูปไข่ มี 3 กลีบขึ้นไปซ่อนกันเป็นรูปถ้วย ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-3 เซนติเมตร
สรรพคุณทางยา
พันธ์เฟื่องฟ้าในประเทศไทย
- ดอก : มีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจและระบบขับถ่าย (บางข้อมูลระบุว่าดอกเฟื่องฟ้ามีสรรพคุณช่วยบำรุงโลหิต และใช้แทนเครื่องหอมได้ด้วย)
- ดอกเฟื่องฟ้า (สายพันธุ์ Bougainvillea glabra Choisy.) มีรสขมฝาด เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อตับ ใช้เป็นยาแก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี รักษาสตรีที่ประจำเดือนไม่มา หรือมุตกิดตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ดอกที่เป็นยาแห้ง ครั้งละ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือจะใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยาตามที่ต้องการ
- ราก : เฟื่องฟ้าดอกขาว (Bougainvillea spectabilis Willd.) ในประเทศจีนจะไม่นิยมนำมาใช้ทำยา แต่ในประเทศไทยจะมีการนำรากมาใช้เป็นยาแก้พิษต่าง ๆ
ในวงการค้าขายเฟื่องฟ้าในปัจจุบันนี้มีการสั่งพันธุ์จากต่างประเทศเข้ามาใจประเทศไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ก็ยังได้เฟื่องฟ้าพันธุ์ใหม่ ๆ ที่เกิดจากการผสมพันธุ์และกลายพันธุ์จากเฟื่องฟ้าที่มีอยู่ในเมืองไทย แต่ในบางครั้งก็มีการตั้งชื่อซ้ำซ้อนสับสนกันบ้าง เพราะไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนหรือจดทะเบียนเป็นชื่อพันธุ์ไม่ให้ตั้งซ้ำซ้อนกัน นับว่าเป็นจุดบกพร่องที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างไร ชื่อพันธุ์ที่ตั้งขึ้นมาจึงเป็นชื่อเพื่อการค้าและธุรกิจเสียมากกว่าที่จะให้เป็นชื่อที่มีระบบ และหลักเกณฑ์ในการตั้งชื่อ
วิดีโอ
แหล่งอ้างอิง
https://www.thaikasetsaert.com
https://frynn.com
https://th.wikipedia.org
https://www.youtube.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น